วันนี้(16/5/68) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามคำสั่งที่ 158/2568 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ย้ายข้าราชการ ตำแหน่งอำนวยการสูง (ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด) จำนวน 3 คน และคำสั่งที่ 157/2568 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 โอนข้าราชการตำแหน่งอำนวยการสูง จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดราชบุรี ไปเป็น ผอ.ส่วนจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 5 จำนวน 1 คน
ที่น่าสนใจคือการย้ายสลับกันสามคนในตำแหน่ง ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปรากฎชื่อ นายพัชร์ภารุจ สุคนธร ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปเป็น ผอ. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก และผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพิษณุโลก ไปเป็น ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูน และให้ ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำพูนไป จ.ฉะเชิงเทรา
นายพัชร์ภารุจ สุคนธร ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา คือ บุคคลที่ตรวจสอบพบความผิดปกติการขอใช้ที่ดินรัฐ โดยพบว่า ที่ดินกรมป่าไม้ที่เอกชนขอใช้ประโยชน์ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา มีการเปลี่ยนมือไปสู่บริษัทกลุ่มคนไทยและคนจีน และเข้ามาทำสวนทุเรียนในพื้นที่เขตป่า และเมื่อตรวจสอบภายหลังพบว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ สงวนแห่งชาติ รวมถึงนายทุนคนไทยและคนจีน กลับมีชื่อปรากฏครอบครองที่ คทช. โดยพบว่า มีการใช้ชื่อบุคคลจากจังหวัดจันทบุรี และตราด มาแอบอ้างในการถือครอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่า คนที่มีชื่อถือครองที่ดังกล่าวเข้ามาทำประโยชน์จริง ทำให้นายพัชร์ภารุจฯ ทำหนังสือรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดฯ เพื่อขอให้ ยกเลิกที่ คทช. ดังกล่าว เพราะใช้ผิดวัตถุประสงค์

จากนั้น นายพัชร์ภารุจฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ อายัด และจับกุม ผู้ที่เข้ามาครอบครองที่ป่าสงวนแห่งชาติ และที่ คทช. รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดกับที่ดินแปลงดังกล่าวมากกว่า 600 ไร่
ก่อนหน้ามีคำสั่งย้าย นายพัชร์ภารุจฯทราบล่วงหน้า และได้แจ้งว่า หากจะมีการย้ายตนเองขอให้อยู่ในกรุงเทพฯ หรือปริมณฑล
ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ส่งเจ้าหน้าที่มาสอบปากคำนายพัชร์ภารุจฯ หลังรับเป็นคดีพิเศษเกี่ยวกับทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพบว่า บริษัท ดังกล่าว มีพฤติกรรมเดียวกับที่ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยการเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ในรูปแบบริษัทชื่อเดียวกันอีก 6-7 จังหวัด