คอนโดดังกล่าวอยู่ย่านวิภาวดีรังสิตมีขนาด 21 ชั้น 900 กว่ายูนิต 32 ปีกว่าแล้ว เมื่อวานนี้ 25 พฤษภาคม 2568 มีการประชุมลูกบ้านเพื่อรายงานความคืบหน้าการซ่อมแซมอาคารหลังได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยมีลูกบ้านมาประชุม 28 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนลูกบ้านทั้งหมด
การประชุมครั้งนี้มีการกำหนดวาระออกเป็นสามวาระหลัก คือการแจ้งให้ลูกบ้านทราบว่าประกันภัยของอาคารกำลังจะหมดลง และความคืบหน้าในการซ่อมแซม สาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว และวาระอื่นๆ
แต่ขณะที่การประชุมเข้าสู่วาระที่สองมีการโห่ร้อง และตั้งคำถามพยายามขัดขวางการประชุมโดยการโห่ร้องจนผู้จัดการนิติ ประกาศลาออก ทั้งคณะ ก่อนที่จะหอบเอกสารที่มีการใส่ความจากกลุ่มยุยง ปลุกปั่น เดินออกไปจากวงประชุม ปล่อยให้ลูกบ้าน ประชุมกันต่อไป
จากการตรวจสอบทราบว่าอาคารแห่งนี้ มีการประชุมลูกบ้านฉุกเฉินครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน และมีมติ ตั้งคณะทำงานจิตอาสา ซึ่งเป็นวิศวกรด้านไฟฟ้า และวุฒิวิศวกร ซึ่งเป็นลูกบ้าน ช่วยกับช่างอาคาร ดำเนินการต่อไฟและน้ำประปาให้กับลูกบ้าน ในวันดังกล่าวและมีการทำต่อเนื่องอีกครั้งจนทำให้ลูกบ้านมีน้ำ800 กว่าห้อง และไฟ กว่า 430 ห้อง
แต่จู่จู่ก็เกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อ ขณะที่ช่างกำลังต่อไฟเข้าห้องในรอบที่สอง ได้เกิดระเบิดใส่ช่างเนื่องจากลูกบ้านไม่ปิดคัทเอาท์ภายในห้อง การต่อไฟจึงต้องยุติลง และไม่มีใครกล้าดำเนินการต่อ
ลูกบ้านพยายามโทรไปหาการไฟฟ้านครหลวง แต่ มี เพียง 10 กว่าห้องเท่านั้น ที่การไฟฟ้านครหลวงเข้ามาต่อไฟให้ โดยลงทะเบียนการเข้าต่อเชื่อมไฟที่นิติบุคคล ซึ่งเป็นตามหลักปฏิบัติปกติ
ขณะที่ลูกบ้านอีกกลุ่มซึ่งตั้งกลุ่มแอพพลิเคชั่น LINE ผู้ต้องการใช้ไฟ พยายามสรรหาช่างเอกชนเข้ามาดำเนินการให้ แต่เมื่อได้ช่างเข้ามาแล้วตามวันเวลานัดหมาย ช่างกลับปฏิเสธที่จะดำเนินการ พร้อมเขียนหมายเหตุให้นิติ โดยระบุว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในหลายจุดจึงไม่สามารถดำเนินการให้ลูกบ้านได้
จากการสอบถามไปยังผู้จัดการนิติบุคคล ทราบว่าที่ผ่านมาอาคารหลังดังกล่าวได้รับการประเมิน ว่าเป็นอาคารสีเหลืองคือซ่อมแซมอย่างมีเงื่อนไข ต้องให้วิศกรมาสำรวจละเอียดก่อนว่าอาคารมีความปลอดภัยหรือไม่เพื่อกำหนดวิธีการซ่อมแซมต่อไป และมีผู้สอบอาคารมาตรวจสอบลงชื่อไม่อนุญาตให้ นำรถขึ้นไปจอดบริเวณชั้นสาม สี่และห้า เนื่องจากบริเวณทางขึ้นมีการทรุดตัวและแตกจนเห็นโครงสร้าง ขณะที่บริเวณด้านหลังอาคารมีเศษวัสดุ หล่นใส่เพื่อนบ้านจนถูกร้องเรียน ว่าอาคารน่าจะไม่ปลอดภัย
นิติบุคคลพยายามที่จะติดต่อช่างรับเหมาเพื่อให้นำนั่งร้านเข้ามาติดตั้ง ป้องกันปูนหล่นใส่บ้านข้างเคียงในลำดับเบื้องต้น และรอการยื่นประกันภัยเพื่อขอสินไหมทดแทน
โดยอาคารแห่งนี้นิติบุคคลได้ทำประกันภัยเอาไว้ในวงเงิน 800,000,000 บาท แบ่งเป็นความเสียหายห้องชุดละ 100,000 บาท ซึ่งได้มีการยื่นเคลมประกันไปแล้ว แต่ยังรอการอนุมัติการซ่อมแซมจากบริษัทประกันโดยเฉพาะภายนอกอาคารและระบบสาธารณูปโภค
ทั้งนี้เนื่องจากอาคารชุดดังกล่าวมีอายุมากกว่า 30 ปีและมีนิติบุคคลมาแล้วนับ 10 รุ่น ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนได้รับความเสียหายมาก่อน อีกทั้งอาคารแห่งนี้ยังไม่มีแบบพิมพ์เขียว ช่างรับเหมาที่เข้ามาประเมินเพื่อเสนอราคาซ่อม จึงประเมินแบบเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยที่ต้องประเมินแบบเจาะลึก
ดังนั้นการซ่อมแซม จึงมีความยุ่งยาก ขณะเดียวกันก็พบว่าลิฟท์ที่ใช้ในการขนส่ง จำนวนสี่ตัวได้รับความเสียหายหนักสองตัว ทางวิศวกรลิฟท์โดยสารได้ตรวจสอบแล้วจึงลงชื่อว่าลิฟททั้งสี่ตัวยังไม่ปลอดภัยห้ามใช้ ทางนิติได้ประชุมกับกรรมการ และมีการอนุมัติซ่อมแซมสองตัว แต่เนื่องจากช่างที่เข้ามาดำเนินการพบความเสียหายเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า จึงต้องใช้เวลาในการซ่อมนานกว่าปกติ โดยเฉพาะจุดสำคัญคือการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากับตัวลิฟท์ และรอกที่ใช้สำหรับดึงขึ้นและลง และการซ่อมแซมครั้งล่าสุด มีการทดสอบระบบ พบว่าระหว่างการขึ้นและลง มีอาการสั่นจนอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าไม่ปลอดภัยหากปล่อยให้ลูกบ้านใช้ น่าจะไม่ปลอดภัย จึงต้องขยายวงเวลา ในการซ่อมแซมออกไปอีก
ขณะที่ระบบน้ำประปา ก็พบจุดที่เป็นรอยแตกสามรอยใหญ่ทำให้ระบบน้ำไม่สามารถจ่ายให้กับลูกบ้านได้ 40 ถึง 50 ห้อง ประกอบกับระบบไฟฟ้า ยังเชื่อมเข้าจากมิเตอร์เข้าสู่ห้องพัก ของลูกบ้านไม่ได้อีกประมาณ 400กว่าห้อง นี่จึงเป็นเหตุให้ลูกบ้านไม่พอใจและมีกลุ่มอดีตที่มีกรณีพิพาทกับนิติพยายามยุยง ใส่ร้าย ใส่ความให้นิติถูกเกลียดชังเริ่มกลุ่มนึงประมาณ 10 กว่าคน โดยใช้เหตุความเดือดร้อนจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวนี้ใช้ประโยชน์ในการล้มนิติบุคคลและพยายามตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการบริหารงานของนิติว่าเป็นไปอย่างไม่โปร่งใส
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วทั้งหมดงบดุลและการใช้จ่ายรายเดือนมีการติดประกาศและมีผู้สอบบัญชีชัดเจน และรายได้ที่จัดเก็บรายเดือนที่เป็นค่าส่วนกลาง ก็มีแทบจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้รายเดือนเท่านั้น เนื่องจากเป็นการเก็บในสัดส่วนที่น้อยมากและไม่เคยเรียกเก็บเพิ่มมา เป็นเวลาอย่างน้อย 10 กว่าปีแล้วและยังเพิ่มความโปร่งใสโดยตั้งเจ้าของร่วมหลายท่านมาเป็นคณะอนุกรรมการพิเศษช่วยเหลือการทำงาน
อีกครั้งผู้จัดการนิติ และคณะกรรมการชุดปัจจุบันได้หมดวาระลงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และกำลังจะจัดการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ทันได้แจ้งประชุมลูกบ้านเพื่อดำเนินการเลือกตั้งใหม่ ก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นเสียก่อน แต่คณะทำงานก็ยังพยายามเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหา จนสุดท้ายถูกกดดัน ทำให้รู้สึกท้อแท้ที่มีความพยายามเพื่อลูกบ้าน แต่กลับถูกมองว่าไม่โปร่งใส จึงมีมติคณะกรรมการขอลาออกทั้งชุด โดยมีการประกาศ ท่ามกลางลูกบ้านเมื่อวานนี้ หลังจากระหว่างประชุมถูกโห่ และ ลูกบ้านยังไม่พยายามที่จะ รับฟังในสิ่งที่นิติแถลง
ทั้งหมดนี้ผู้จัดการนิติยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามระเบียบวาระ และเป็นไปตามพระราชบัญญัติอาคารชุด เพื่อเปิดทางให้มีการสรรหาคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาดำเนินการแทน ให้ทันกับความต้องการของลูกบ้าน