ศาลแขวงปทุมวัน ออกหมายจับกฤษณะพงศ์แล้ว หลังถูก อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และหมิ่นประมาท บิ๊กโจ๊ก
วันนี้ 31 มกราคม 2568 ศาลแขวงปทุมวัน ได้ออกหมายจับ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รอง ผบก. กองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หลังจากไม่มาพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) ตามกำหนดนัดเพื่อนำตัวฟ้องต่อศาล
โดยคดีนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้แจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน หลังจากที่ พันตำรวจเอกกฤษณะพงศ์ และพวก นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และหมิ่นประมาท
ซึ่งก่อนหน้านี้อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฟ้องในคดีที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รอง ผบก. กองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ และพวกอีก 3 คน
แจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวานหรือยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง และหมิ่นประมาท
และได้มีหนังสือแจ้งให้ทั้งหมดเข้าพบพนักงาน อัยการคดีพิเศษฝ่ายศาลแขวง 6 เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล ครั้งแรก วันที่ 8 มกราคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 30 มกราคม 2567 แต่เมื่อถึงกำหนด ปรากฏว่า พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์
กัญจน์ชัยกิจ ผู้ต้องหาที่ 1 ไม่มาพบพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) ตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งให้ทราบและได้รับทราบนัดแล้วหากแต่ไม่มาพบ ทำให้ไม่สามารถส่งตัวผู้ต้องหาได้ พนักงานสอบสวนจึงยื่นคำร้องขอ
ออกหมายจับ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ผู้ต้องหาที่ 1 โดยให้จัดส่งหมายจับและตำหนิรูปพรรณ ไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) ดำเนินการต่อไป
สำหรับ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ถือเป็นคู่กรณีในสงครามตัวแทนที่มี พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล เป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยได้เข้ายื่นเอกสารร้องเรียน หลากหลายข้อหา และหลายสถานที่ และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่านั้น แถลงต่อสื่อมวลชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง บิ๊กโจ๊ก ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
ซึ่งจากการรวบรวมพบว่า ก่อนหน้านี้พันตำรวจเอกกฤษณะพงศ์ ได้เคยยื่นหนังสือคำร้องขอรื้อฟื้นคดีส่วยคาราโอเกะ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. เคยถูกกล่าวหา กรณีเรียกรับส่วยร้านคาราโอเกะ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อวันที่ (16 ธันวาคม 2567)
รวมทั้ง ร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ให้คนอื่นลงลายมือชื่อปลอมในการซ้อมย่อยและซ้อมใหญ่เพื่อรับพระราชทานปริญญาและเข็มวิทยฐานะ วปอ.รุ่นที่ 65 เมื่อวันที่ (2 เม.ย.67)
และกรณี วันที่ 6 มิ.ย. 67 ยื่นเรื่องให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร.ตามฐานความผิด ฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้พูดบนเวที เมื่อครั้งล่ารายชื่อประชาชนเพื่อกวาดบ้าน ป.ป.ช. ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2567